วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จุ่มลวกอย่างไรปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษ 


เลือกอาหารมื้อสุก (คิดว่า) ปลอดภัย

          ตะวันนัดลัดดาวกินอาหาร คราวนี้ลัดดาวเลือกแนวจิ้มจุ่มลวกในตึกที่ทำงาน เพราะเห็นว่าน่าจะสด สุก และสะอาด ทั้งที่โดยธรรมชาติของลัดดาวอาจจะมีนิสัยที่ชอบอาหารเสี่ยงต่อโรคภัยเป็น ประจำอยู่แล้ว
 
          ทั้งคู่สั่งอาหารซึ่งมีทั้งเนื้อสัตว์ (ชนิดไม่ปรุงและปรุงรส) อาหารทะเล ผัก และไข่ไก่ เป็นต้น ตามปกติ แล้วบนโต๊ะก็มักจะมีช้อนตักซุปขนาดใหญ่ และกระชอนใช้สำหรับการลวกอาหาร เมื่ออาหารที่สั่งมาถึง ทั้งคู่คีบอาหารดิบใส่ลงในกระชอนแล้วจุ่มลงในน้ำซุปที่กำลังเดือด รอจนกระทั่งวัตถุดิบอาหารสุก จึงได้นำอาหารมาใส่ในชาม

          ระหว่างกินอาหารได้ใช้ตะเกียบคีบวัตถุดิบอาหารใส่ลงในกระชอนเพื่อรอให้สุก จะได้มีอาหารเติมแบบไม่สะดุด บาง ครั้งลัดดาวคีบอาหารดิบใส่ลงในกระชอน แล้วจึงใช้ตะเกียบมาคีบอาหารสุกเข้าปากอย่างไม่รู้ตัว นอกจากนี้ลัดดาวยังจุ่มอาหารที่ลวกสุกแล้วในไข่ดิบด้วย โดยเข้าใจว่าจะทำให้อาหารมีรสชาติมากยิ่งขึ้น

          หลังจากกลับบ้านลัดดาวรู้สึกถึงความไม่ปกติของในท้อง แต่ไม่เอะใจเพราะคิดว่าอาหารที่เลือกกินวันนี้สด สุก และสะอาดแล้ว จนในที่สุดกลางดึก ลัดดาวมีอาการไข้ คลื่นไส้ และถ่ายท้องหลายครั้งจนกระทั่งซูบและเพลียกับอาการอาหารเป็นพิษที่กระหน่ำ อย่างรุนแรงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น

เปิบให้ปลอดภัยจากหมอซุป

          1.การกินอาหารประเภทจุ่มลวก จัด ได้ว่าเป็นทางเลือกการบริโภคในเชิงคุณภาพที่ดี กล่าวคือ อาหารหลังจากผ่านการแปรรูปให้สุกด้วยความร้อนแล้ว ก็บริโภคทันทีได้เลย จะทำให้หลีกเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวกับการเก็บรักษาและการเน่าเสียไปได้มาก ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคสามารถประเมินความสด ความสะอาดของวัตถุดิบอาหารได้โดยตรง ณ จุดที่บริโภคด้วย

           2.กรณีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับลัดดาว คือ การปนเปื้อนข้ามระหว่างอาหารดิบ (ที่มีจุลินทรีย์ก่อโรค) และอาหารสุก (ปลอดจุลินทรีย์ก่อโรค) ในกรณีนี้เกิดจากการที่ลัดดาวคีบอาหารดิบลงในกระชอน ตะเกียบจึงอาจจะปนเปื้อนจุลินทรีย์ก่อโรคค้างอยู่ที่ตะเกียบ แม้ว่าปลายตะเกียบอาจจะได้รับไอน้ำร้อนที่กรุ่นขึ้นมาน้ำซุปที่เดือด แต่ปริมาณความร้อนที่ได้รับนั้นน้อยเกินไป หรือปริมาณจุลินทรีย์ก่อโรคที่ปนเปื้อนมีปริมาณมากเกินความร้อนจากไอน้ำจะ ทำลายได้หมด

          ทางที่จะปลอดภัยจากจุลินทรีย์นี้ก็คือ ลวกตะเกียบก่อนจะใช้ตะเกียบคืบอาหารสุกเพื่อบริโภคก็จะปลอดภัย


 
           3. นอกจากนี้ลัดดาวยังบริโภคจุ่มลวกในแนวญี่ปุ่น โดยการจุ่มอาหารที่สุกแล้วในไข่ดิบก่อนจะบริโภค จัดว่าเป็นการเพิ่มระดับความเสี่ยงต่อการได้รับแบคทีเรียที่อาจจะมาจากไข่

          ข้อ แนะนำการจุ่มไข่ (ดิบ) จึงควรผ่านความร้อนซ้ำอีกครั้งจนกระทั่งไข่สุกก่อนการบริโภค รสชาติอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยก็ควรจะหลีกเลี่ยงค่ะ


 

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เมล็ดธัญพืชช่วยป้องกันโรคหัวใจ  



      การรับประทานอาหารเช้าที่ประกอบด้วยธัญพืชทั้งเมล็ด จะช่วยลดอัตราการตายทั้งที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ และไม่เกี่ยวข้องลงได้

       เป็นข่าวดีของผู้ที่ชอบรับประทานเมล็ดธัญพืชแบบทั้งเมล็ด หรือ Whole Grain Cereals ค่ะ เนื่องจากมีผลการศึกษาของคณะวิจัยจาก Brigham and Women's Hospital and Harvard Medical School ยืนยันว่า การรับประทานเมล็ดธัญพืชแบบทั้งเมล็ด จะช่วยลดอัตราการตายจากโรคหัวใจได้

        ผลงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการหาความสัมพันธ์ระหว่าง การรับประทานอาหารเช้าที่ผลิตด้วยธัญพืชทั้งเมล็ด เปรียบเทียบกับการรับประทานอาหารเช้า ที่ผลิตด้วยเมล็ดธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว โดยติดตามเก็บข้อมูลอัตราการตายทั้งหมด และการตายอันเนื่องมาจากโรคหัวใจในกลุ่มคนเพศชาย เฉพาะที่เป็นแพทย์ จำนวนมากกว่า 86,000 คน อายุเฉลี่ยระหว่าง 40 - 84 ปี ในช่วงระยะเวลา 5 ปี 6 เดือน ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารเช้าที่ประกอบด้วยธัญพืชทั้งเมล็ด จะช่วยลดอัตราการตายทั้งที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ และไม่เกี่ยวข้องลงได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น อายุ ดัชนีมวลกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และจากการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มเพศชายที่ไม่เคยรับประทาน หรือรับประทานน้อยมาก กลับกลุ่มเพศชายที่รับประทานธัญพืชเป็นประจำวันละ 1 มื้อ พบว่ากลุ่มที่รับประทานเป็นประจำมีเพียง 20% ที่พบการตายเนื่องจากโรคหัวใจ

       ฉะนั้นซีเรียลธัญพืชทั้งเมล็ดกับนมชามโตในมื้อเช้าก็ไม่เลวนะคะ…



 
 
ดื่มนมเปรี้ยวไม่ทำให้ผอม


            นมเปรี้ยวกำลังเป็นที่นิยมดื่มในหมู่สาวๆ ที่กลัวอ้วน อยากลดน้ำหนัก ทั้งพ่อแม่ก็นิยมซื้อให้ลูกดื่มด้วยเข้าใจว่ามีประโยชน์เหมือนดื่มนมสด
             แถมยังเข้าใจว่าดื่มแล้วไม่อ้วนอีกด้วย ซึ่งก็เป็นผลจากภาพโฆษณาที่ใช้นางแบบรูปร่างผอมบาง จึงชวนให้เชื่อว่าดื่มแล้วผอมเหมือนนางแบบ 


            นมเปรี้ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำนม มาหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค จุลินทรีย์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และทำปฏิกิริยากับน้ำตาลแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในน้ำนม เกิดกรดแลคติคที่มีรสเปรี้ยว ได้นมที่มีลักษณะเป็นครีมข้นๆ เรียกว่า โยเกิร์ตชนิดรสธรรมชาติ แต่ในบ้านเรานิยมเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม ผลไม้เชื่อมลงไป หรือทำให้เหลวแล้วเติมน้ำตาล และแต่งรสผลไม้เป็นนมเปรี้ยวชนิดดื่ม ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมกันมาก

           แต่นมเปรี้ยวชนิดดื่มที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนประกอบเพียงร้อยละ 35-50 และที่สำคัญนมเปรี้ยวชนิดดื่มเหล่านี้ รวมทั้งชนิดไลท์ที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย มีน้ำตาลผสมสูงถึงร้อยละ 8-20 สูงกว่านมหวานอย่างมาก และสูงใกล้เคียงกับน้ำอัดลมทีเดียว 



               "ดื่มนมเปรี้ยว 1 กล่อง (180 มล.) จึงได้น้ำตาล 3 ช้อนชา บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูงถึง 7 ช้อนชา ในขณะที่แนะนำให้กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ดื่มนมเปรี้ยววันละ 2 กล่อง จึงหมดโควตาแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยว่ายิ่งดื่มนมเปรี้ยวมาก วันละหลายกล่อง แทนที่จะผอมลง กลับน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะนมเปรี้ยวที่มีน้ำตาลสูงเหล่านี้ให้พลังงานพอๆ กับนมสดรสจืด และสูงกว่านมจืดพร่องมันเนย แต่มีโปรตีน แคลเซียม วิตามิน และแร่ธาตุอื่นเพียงครึ่งเดียว และไม่ต้องหวังว่าจะได้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต เนื่องจากกระบวนการผลิตนมเปรี้ยวชนิดดื่มแบบยูเอชที จุลินทรีย์ตายหมดแล้ว

            จึงควรเข้าใจเสียใหม่ว่านมเปรี้ยวไม่ได้ช่วยให้ผอม คนอ้วนจึงควรดื่มนมจืดพร่องมันเนย ถ้าดื่มนมสดแล้วไม่สบายท้องหรืออยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง ก็ให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือเพลนโยเกิร์ต จะดีกว่า คนที่ไม่อ้วนถ้าอยากดื่มนมเปรี้ยวให้เลือกชนิดที่มีส่วนผสมเป็นนมวัวสูง และมีน้ำตาลต่ำ




 
กินดีต้านมะเร็ง
  


         มะเร็ง โรคร้ายที่น่ากลัว แต่เราก็มีวิธีลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ หากเรารู้จักดูแลสุขภาพของเราอย่างถูกวิธี อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
        ไม่จำเป็นต้องทำอย่างหักโหม เพียงเดินเร็ว ๆ ซัก 30 นาที ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาอื่น ๆ ที่ชอบ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
        หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ไม่ทำตัวให้เครียด และที่สำคัญที่สุดคือการรับประทานอาหารให้ถูกหลัก โดยเฉพาะอาหารประเภทผัก ผลไม้ และธัญพืช ที่อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทเกลือแร่ วิตามิน เส้นใยอาหาร สารแอนตี้ออกซิแดนท์ และสารอื่น ๆ อีกมากมาย
       โดยต้องรับประทานในปริมาณมากพอควร รวมทั้งควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวเกิน นอกจากนี้ เราควรกินอาหารให้มีความหลากหลายและปรุงอาหารอย่างถูกวิธี เพื่อคงคุณค่าของสารอาหารไว้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
        อาหารที่มีเส้นใยสูง ปลาและอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินบางชนิด เช่น กรดโฟลิค และเกลือแร่ เช่น สังกะสี จะมีผลช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ แต่เราควรทานอาหารอย่างมีความสุขด้วยเช่นกัน ไม่ต้องถึงกับเครียดจัดต้องคำนวณคุณค่าสารอาหารแต่ละมื้อ เราสามารถทานอาหารที่โปรดปรานได้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ควรจำกัดปริมาณในการทานอาหารรสจัดด้วย


คลิปวิดิโอให้ความรู้เรื่อง สัญญาเตือนของโรคมะเร็ง



















8 เทคนิคสุขภาพดี

1. นอนหลับเต็มที่

       นอกจากการอดนอนจะทำให้คุณเป็นนกฮูกแล้ว ยังจะทำให้หัวใจอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันโรคไม่แข็งแรง ในทางกลับกันคนที่นอนได้วันละ 6-7 ชั่วโมง ระบบการทำงานของร่างกายจะฟิตปั๋ง

2. อิ่มแค่ 80%

       นี่เป็นเคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่นซึ่งมีพลเมืองอายุยืนที่สุดในโลกแล้ว เพราะการกินอิ่มเกินไปทำให้หัวใจ ระบบย่อย ระบบการหายใจ ต้องทำงานหนักโดยไม่จำเป็นแต่ถ้ากินอิ่มแค่ 80% ร่างกายจะย่อยอาหารและดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มที่

3. กินอาหารที่สลายไขมันในเส้นเลือด

       ไม่ต้องถึงกับซื้ออาหารเสริมแพงๆ มาบำรุงสุขภาพก็ได้ แต่ควรจะเลือกอาหารที่มีคุณค่าอาหารไม่ใช่จั๊งค์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยเกลือและ ไขมันเพราะความเสี่ยงจากโรคไขมันอุดตันของคนรุ่นใหม่กำลังสูงขึ้นทุกวัน ถ้ากินอาหารดีๆ ที่สลายไขมันในเส้นเลือดได้ เช่น หอมหัวใหญ่ กระเทียม ปลาทูน่า ก็จะช่วยยืดอายุออกไปได้ถึง 38%

4. มีคนรัก

      และต้องเป็นคนรักดีๆ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของคุณให้หวานเป็นน้ำตาล ความสุขที่ได้รับจากการมีที่ปรึกษา มีคนคอยดูแลเอาใจใส่จะส่งผลให้สุขภาพของคุณแข็งแรงตามไปด้วย อย่างน้อยก็สลัดโรคเครียดตัวร้ายไปได้โรคหนึ่ง 
   
5. ฐานะการเงินมั่นคง
       เงินทองไม่เข้าใครออกใครคนที่หาเงินไม่ค่อยพอใช้ต้องนั่งเครียดทุกเดือนจะ เสี่ยงกับการเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ มากกว่าคนที่เงินทองเหลือเฟือถึง 50%

6. มีเพศสัมพันธ์

       อีกหนึ่งคุณประโยชน์ของเซ็กซ์ก็คือ มันช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาอย่างล้นเหลือ ช่วยสลายความเครียด ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าออกไปในอึดใจเดียว

7. มีสัตว์เลี้ยง

       ผลวิจัยยืนยันว่าคนใจดีที่มีสัตว์เลี้ยงจะหัวใจแข็งแรง อารมณ์ดี และอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงถึง 12%

8. เลือกวิธีปรุงอาหาร

      กินอาหารที่ต้มหรือนึ่งเป็นหลักเพื่อให้ร่างกายได้แต่สารอาหาร ไม่มีไขมันส่วนเกินแถมมาให้เป็นภาระกับสุขภาพ ส่วนของทอด ผัด หรืออบเนย หลีกให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลวิจัยคอนเฟิร์มว่าวิธีนี้ช่วยให้อายุยืนกว่าคนที่กินจั๊งค์ฟู้ดถึง 45%



อย่า 4 อย่าง แล้วชีวิตจะดีขึ้น    



  

1. อย่าเป็นนักจับผิด
        คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ‘กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก’ คน ที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ‘จิตประภัสสร’ ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี’แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข’


2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
       ‘แข่งกันดี ไม่ดีสักคนผลัดกันดี ได้ดีทุกคน’ คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ‘เจ้ากรรมนายเวร’ ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ‘ไฟสุมขอน’ (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’ หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป


3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
       90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’ มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ‘อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’ ‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น’ ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ‘สติ’ กำกับตลอดเวลา


4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
        ‘ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม’ ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า ‘เกิดมาทำไม’ ‘คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ‘ตามหา ‘แก่น’ ของชีวิตให้เจอคำว่า ‘พอดี’ คือ ถ้า ‘พอ’ แล้วจะ ‘ดี’ รู้จัก ‘พอ’ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข’



                           




เหตุผลที่ทำให้คุณรักโรงเรียน 




        โรงเรียนเป็นที่ ๆ เราเติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับที่บ้านเลยทีเดียว ตื่นเช้าไปโรงเรียน ตื่นเช้าไปโรงเรียน ทุกวันเป็นเวลา 10 กว่าปี    มีเหรอจะไม่มีอะไรให้ เก็บไปประทับใจ อย่างน้อย ก็ต้องมีไว้ในใจ กันบ้างหล่ะ ก็ไม่มีที่ไหน เหมือนที่นี่อีกแล้ว นี่นา แม้จะเคยทำ เรื่องป่วน ๆ ไว้เยอะก็เหอะ แกล้งซนไป อย่างนั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจ ให้ใคร เดือดร้อน สักหน่อย ก็เรายังเด็กอยู่ เลยนี่นา นึก ๆ ดูก็ขำดี เหมือนกันใช่ไหม?  มานั่งนึก เรื่องที่ ทำให้เรา นั่งอมยิ้ม ได้กันดีกว่า ต้องมีเยอะ จนล้นโลกแน่ ๆ เลย จะได้คิดถึง โรงเรียน ให้มากขึ้น รักมากขึ้น ทุกวัน มีเหตุผลมากมาย ที่ทำให้เรา รู้สึกได้อย่างนี้ได้ แต่จะคัด มาเฉพาะ ที่พิเศษจริง ๆ และนี่ก็เป็น เหตุผลที่ทำให้ เรารักโรงเรียน มาจนถึงทุกวันนี้ มีคล้าย ๆ กับใครบ้างไหมหนอ ... 

 1. เพราะโรงเรียน ทำให้เย็นวันศุกร์มี ความหมาย
        ไม่มีวันไหนที่ จะทำให้เรา รอคอยได้มากเท่า เย็นวันศุกร์ อีกแล้ว
เป็นวันที่ พิเศษที่สุด ของ วันที่เราต้อง ไปโรงเรียนเลย ก็ได้ ทุกคนจะ
พร้อมใจ เทคะแนน ให้เป็น ขวัญใจดีเดย์ ในรอบสัปดาห์  อยากให้เย็นวันศุกร์ มาถึงเร็ว ๆ ใครไม่เคยรอบ้างล่ะ อยากรู้นักจะได้หยุด เสาร์ - อาทิตย์ กันอีกรอบนึงไง แหม ! พูดแล้ว ก็คิดถึงจังเลยเจ้าวันศุกร์เนี่ย

2. เพราะที่โรงเรียน มีวันปิดเทอม
       โอ้... วัน ปิดเทอม จะมีที่ไหนมี ถ้าไม่ใช่ที่ โรงเรียน มีเรียนก็ต้องมีหยุดพัก กันบ้าง ไม่งั้นสมอง แตกกระจุย กันพอดี เป็นที่เดียวในโลก แน่ ๆ เลยที่วิเศษ ขนาดนี้ อยากให้ เปิดปุ๊ป ปิดปั๊ป บ่อย ๆจะได้รักมาก ขึ้นอีก 10 เท่า พอโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ เราก็คงไม่ได้ มีวันปิดเทอม กัน อีกแล้ว แล้วจะไม่ให้ เรารัก โรงเรียน ได้ยังไงกันล่ะ


3. เพราะโค้กที่โรงเรียนราคาถูกกว่าที่ 7-eleven
        จะกินโค้กแก้วละ 5 บาทได้กี่ที่กันหล่ะในโลกนี้ เผลอ ๆกินหมดแก้วยังไปแอบเติมได้อีก แหม ! ใคร ๆ เขาก็ทำกัน อย่าบอกเชียวนะว่า ไม่เคย โกรธกันตายเลย ก็มันโกหกกันแหงม ๆ อยู่แล้ว ถึงแก้วจะใหญ่กว่า ที่อื่น แต่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเรานี่นา ...เราต้องการโค้ก...ส่งโค้กมาซะดี ๆ 

 
4. เพราะหน้าโรงเรียนมีทางม้าลาย
        เจ้าทางม้าลาย แบนแต๊ดแต๋ ที่หน้าโรงเรียน เราชื่อ บู้บี้ เจอกันทุกวัน มันจะพาเรา ไปอีกฝั่ง ของถนน โดยการขี่ ของคุณลุงจราจร พุงกลม มันกระซิบ พวกเราว่า คุณลุงตัวหนัก ไปหน่อย แต่ก็เป็น คนที่ใจดีที่สุด ในโลกเลย เฮ้อ ... ไม่รู้ว่ตอนนี้ สบายดีรึเปล่า หวังว่า คุณลุงจราจร พุงกลม จะดูแลมัน เป็นอย่างดี เจ้าทางม้าลาย หน้าโรงเรียน ของเราเนี่ย สบายสุด ๆ เลย ไม่ต้องเหนื่อย เดินขึ้นสะพานลอย กันให้เมื่อย อยากให้ทุกที่ มีเจ้าม้าลาย อย่างที่โรงเรียนจัง 


5. เพราะโรงเรียนทำให้วิ่งเร็ว        เวลาเจอคุณครู ฝ่ายปกครองเนี่ย ต้องวิ่งกันเร็วจี๋ ทุกคนเลย ไม่งั้นไม่รอด แต่คุณครู ก็วิ่งเร็วขึ้น ทุกวันนะ แข่งกันใหญ่เลย วิ่งกันทั้งโรงเรียน สนุกดี วิ่งหนีคุณครู กันจนเป็น แชมป์ไป หลายคนแล้ว อย่าบอกนะ ว่าไม่เคย มาแข่งกันดูไหมหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้แต่เอ๊ะ... สงสัยจังเลยว่า ตอนนี้คุณครู วิ่งเร็วกว่าเรา แล้วหรือยัง...ไม่ได้วิ่งเสียนาน 

6. เพราะโรงเรียนมีหลังห้อง
       ความลับหลังห้อง มีอาจารย์เท่านั้นแหละ ที่ แกล้ง ไม่รู้ เล่นหลับทับกัน เป็นกองขนาดนั้น ไม่รู้ยังไง ไหว แต่ยังไงก็ต้องนอน ทุกวันนะ ไม่งั้นหลังห้อง จะน้อยใจ คิดอย่างนี้ เหมือนกัน ใช่ไหมหล่ะ
 
7. เพราะโรงเรียนมีห้องพยาบาล
       ห้องพยาบาล ไม่เหมือนโรงพยาบาลนะ เราไม่ชอบไป โรงพยาบาล แต่ชอบไป ห้องพยาบาล ก็ไม่ต้อง ฉีดยานี่นา และอีกอย่าง ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ยังไงการรักษา มีอยู่อย่างเดียว คือ ต้องนอนพัก กันไว้ก่อน แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง พอใกล้เวลากลับบ้าน เคยเป็นกัน บ้างไหมล่ะ เจ้าโรคนี้น่ะ เพื่อน ๆ เราเป็นกันทุกคน รักษาไม่เคยหาย เป็นโรคติดต่ออีกต่างหาก เฮ้อ... โรคร้ายประจำ ห้องพยาบาล 


8. เพราะโรงเรียน ทำให้เราโต ขึ้นอย่าง คนที่มีคุณภาพ
       เราจะเบื่อ ได้ทุกข้อกับกฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ของ โรงเรียน เบื่อได้ทุก วิชาตลอด การเรียนมาจน จบแหล่มิจบแหล่ แต่แล้ว ในวันหนึ่งที่เราจากมา เราได้เรียนรู้วว่า สิ่งที่น่าเบื่อ เหล่านั้น ทำให้เราคิดถึง
อยู่เสมอว่า เรามีวันนี้อยู่ได้ อย่างไร

สิว กับ การนอนหลับ

สิว กับ การนอนหลับ

  
          เพื่อนๆ ให้ความสำคัญกับการนอนบ้างรึเปล่า? รู้รึเปล่า ว่าการนอนจะส่งผลต่อปัญหาสิว ถ้าหากว่าในทุกๆ เช้าตึ่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลียและไม่มีเรี่ยวแรงเลย

           เพื่อให้การนอนหลับได้สนิทในทุกๆ คืน        

    
 1. ทำห้องนอนให้มืดที่สุด - ต่อไปนี้ในทุกๆ ครั้งที่เพื่อนจะเข้านอนนะ มองรอบๆ ว่าส่วนไหนของห้องมีแสงสว่าง อาจจะเป็นแสงไฟจาก คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรือ แสงที่ลอดมาทางหน้าต่าง เป็นต้นนะ ถ้าหากเพื่อนๆ อยากจะนอนหลับสนิท ก่อนนอนอย่าลืมปิดไฟเหล่านี้นะ

    
 2. ออกกำลังกายเป็นประจำ - การออกกำลังกายจะส่งผลต่อการนอน ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันนี้นะ รับรองว่าเพื่อนๆ จะหลับสนิทแน่นอนเลย แล้วนอกเหนือจากการนอนแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย เช่นทำให้ผิวสดใสเปล่งปลั่ง และช่วยให้สุขภาพดีด้วยนะ

    
 3. ทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง - สำหรับเพื่อนๆ บางคนที่ชอบทานอาหารในตอนดึกๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการทานโดยด่วนเลยนะ แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรเตือนตัวเองให้ทานแต่น้อยนะ

    
 4. ไม่ควรทานขนมจุกจิกก่อนเข้านอน - เป็นไปได้นะที่เพื่อนๆ สามารถทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่ก็ทดหิวไม่ได้ ต้องหาอะไรมาทานเล่น แนะนำให้เป็นผลไม้นะ แนะนำให้ทาน แคนตาลูป แอปเปิ้ล เพราะจะช่วยให้เพื่อนๆ หลับสบายขึ้นนะ
      ครบ 4 ข้อควรปฎิบัติเพื่อให้เพื่อนๆ พักผ่อนในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลให้ สุขภาพกายและสุขภาพผิวของเพื่อนๆ สดใสขึ้นได้นะ ลองนำเอาวิธีนี้ไปใช้ทุกๆ วันนะ รับรองเพื่อนๆ จะสวยจะหล่อหน้าใสมั่นใจแน่นอน

ตัวอย่างการออกกำลังกาย(เต้นแอโบิก)


4 อาหารเลวที่ดีต่อร่างกายของคุณ

                ถ้าคุณได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ทานอาหารเพื่อสุขภาพอยู่ละก็ เชื่อว่าคุณคงกำลังหลีก เลี่ยงอาหารจำพวกเนย นม และชีสอยู่แน่  แต่รู้ไหมว่าอาหารที่ได้ชื่อว่าเลวร้าย นั้น อันที่จริงมันก็มีสารอาหารบางอย่างที่สำคัญอยู่ และคุณจะได้คุณจากมัน มากกว่าโทษ หากรู้จักกินแบบ    "มีลิมิต" นั่นคือ

ชีส 

      
           แน่นอน ชีสอุดมด้วยไขมันและแคลอรี แต่ในขณะเดียวกันมันยังเป็นแหล่งสำคัญของ แคลเซียม รวมทั้งกรดไลโนเลอิกโมเลกุลคู่ ซึ่งเป็นไขมันประเภทดี ทำให้คุณลดความ เสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน กรดชนิดนี้ยังช่วยในการลดน้ำหนัก ด้วยการไปสกัดกั้นการกักเก็บไขมันในร่างกาย  เลือกชีสชนิด Strong-flavored เช่น เฟต้าชีส บลูชีส และชีสพาร์เมซานสด (ไม่ขูด) ซึ่งคุณจะใช้ในปริมาณน้อยหากนำไปปรุงอาหารเลี่ยง ชีสประเภทไขมันต่ำ เพราะชีสพวกนี้มีไขมันเพียง 6 กรัมต่อออนซ์ เมื่อนำไป ปรุงอาหาร แล้วจะไม่ได้รสชาติ เราจึงโน้มเอียงที่จะอนุญาตให้ตัวเองกินมันมากขึ้น เช่นเดียวกับชีสไม่มีไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีรส

ช็อกโกแลต
       ลืมไปเลยที่ว่าช็อกโกแลตเป็นสาเหตุของสิว และไมเกรน ที่จริงมันมีส่วนผสม บางอย่างที่ต่อต้านการเกิดมะเร็ง และโรคหัวใจเช่นเดียวกับในผักและผลไม้ เว้นแต่ ว่ามีไขมันสูงกว่าเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณมองหาช็อกโกแลตในตอนที่หดหู่นั่นก็ถูก ต้อง เพราะมันจะเพิ่มสารชีโรโตนินในสมอง ทำให้อารมณ์ดีขึ้น  เลือกดาร์กช็อกโกแลต ช็อกโกแลตยิ่งเยอะก็หมายความว่าใส่โกโก้บัตเตอร์ซึ่งอุดม ด้วยไขมันน้อยลง  เลี่ยงช็อกโกแลตที่ผสมคาราเมล มาร์ชแมลโลว และไขมันที่ทำให้อ้วนอื่น ๆ

กาแฟ
      ไม่จำเป็นต้องงดดื่มกาแฟ การวิจัยเร็ว ๆ นี้ปฏิเสธว่า กาแฟไม่เกี่ยวข้องกับการ เกิดโรคหัวใจ เนื้อเยื่อในหน้าอกผิดปกติ หรือความดันโลหิตสูง หากแต่คาเฟอีนช่วย บรรเทาอาการแพ้ ทำให้คุณกระฉับกระเฉงและสมาธิดีขึ้น เลือกกำหนดตัวเองให้ดื่มกาแฟไม่เกิน 2 - 3 แก้วต่อวัน และอย่าใส่ครีมกับน้ำตาล ให้มากนักเลี่ยงกาแฟแก้วใหญ่พิเศษ ที่อุดมไปด้วยครีม น้ำตาล น้ำแร่ และวิปครีม ซึ่งให้ แคลอรีมากถึง 300 แคลอรี ถ้าทำได้ตามนี้ ก็รับประกันว่าจะได้ความอร่อยที่ไม่เป็นโทษแน่ๆ

เนื้อวัว
 

           พักการทานไก่ย่างชั่วคราวแล้วหันมากินสเต็กสักชิ้นเนื้อวัวเป็น แหล่งดีเลิศของ โปรตีน และสารอาหารที่ผู้หญิงมักได้รับจากอย่างอื่นไม่เพียงพอ เช่น เหล็ก สังกะสี และวิตามินบี 12   เลือกเนื้อท่อนโคนขา หรือเนื้อสะโพก ซึ่งเป็นส่วนของเนื้อที่มีเนื้อมากกว่ามัน เพราะจะมีไขมันอิ่มตัวเพียง 4.5 กรัมหรือน้อยกว่า ต่อเนื้อน้ำหนัก 3 ออนซ์ ปรุง แบบหมุนย่าง ซึ่งจะทำให้เราเหลือเนื้อที่ในจานสำหรับใส่ผักได้มากขึ้น  เลี่ยงเนื้อซี่โครงและทีโบนชั้นเลิศ เพราะมีไขมันและแคลอรีมากเป็นเท่าตัวของ ส่วนอื่น ๆ



   

     



ระวัง! ตัวร้ายในสำนักงาน

ระวัง! ตัวร้ายในสำนักงาน เลเซอร์พรินต์ อันตรายต่อสุขภาพ
         ทีมนักวิทยาศาสตร์ในออสเตรเลียพบว่า เครื่องเลเซอร์พรินเตอร์ที่ใช้พิมพ์งานในสำนักงานนั้น เป็นอันตรายต่อปอดของคนทำงานได้พอๆกับอนุภาคควันจากการสูบบุหรี่ จากการเฝ้าสังเกตตรวจตราเครื่องเลเซอร์พรินเตอร์หลายรุ่นแสดงว่าเกือบ 1 ใน 3 ของเครื่องนั้นปล่อยระดับหมึกที่เป็นอันตรายออกมาสู่อากาศรอบข้าง ทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ เรียกร้องต่อรัฐบาลให้ออกกฎควบคุมการฟุ้งกระจายของหมึกจากเครื่องพรินเตอร์ อย่างจริงจัง และเสนอว่าเครื่องพรินเตอร์บางชนิดน่าจะมีการติดป้ายเตือนภัยเกี่ยวกับ สุขภาพ
          นักวิจัยกลุ่มนี้ได้ทำการทดสอบเครื่องพรินเตอร์ ต่างๆ กว่า 60 เครื่อง พบว่าเกือบ 1/3 นั้นมีการปล่อยอนุภาคหมึกขนาดเล็กจิ๋วออกมา มันมีขนาดเล็กมากจนสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดได้ และเป็นเหตุให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ไปจนถึงการเจ็บป่วยเรื้อรัง
          ใน การทดสอบกระทำขึ้นภายในสำนักงานแบบเปิด และพบว่าอนุภาคนั้นเพิ่มขึ้น 5 เท่าระหว่างชั่วโมงทำงาน ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการใช้เครื่องพรินเตอร์นั่นเอง ปัญหาจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนหมึกพิมพ์ใหม่ และมีการเรียกใช้งานพิมพ์ภาพกราฟฟิกที่มีปริมาณการใช้หมึกพิมพ์สูง นอกจากจะเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ออกกฎควบคุมแล้ว นักวิจัยยังต้องการให้ บริษัทห้างร้านจัดวางเครื่องพรินเตอร์ไว้ในบริเวณ ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อให้อนุภาคดังกล่าวสลายไป